สืบเนื่องจากบทความที่แล้ว We are what we see
ที่พูดเรื่อง self-fulfilling prophecy ที่ว่า
คำทำนายมีผลทำให้คำทำนายนั้นเป็นจริง
(ถ้าติดตามกันมาเรื่อยๆ จะรู้ว่า ผม “สืบเนื่อง” มาสองทีละ)
คราวนี้ผมจะชวนมาดูกันว่า เราจะใช้แนวคิดทางจิตวิทยานี้ให้เป็นประโยชน์ได้อย่างไร
ดังนั้นผมขอ อธิบายด้วยภาพนี้ครับ

ใครที่ดูภาพแล้วเข้าใจเลย ก็ไม่ต้องอ่านต่อก็ได้ครับ
#พบกันใหม่ บทความถัดไปเลยครับ #สำหรับวันนี้ ราตรีสวัสดิ์
แต่ถ้าอยากได้คำอธิบาย ตามมาเลยครับ
ตามภาพจะเห็นว่ามันเป็น วงจรครับ แต่มันจะเป็น วงจรมงคล หรือ วงจรอุบาทว์ นั้น เราเลือกได้ครับ
ดูตามสมการแปลไทยด้านล่างเลยครับ
- ความเชื่อเกี่ยวกับตัวเรา ส่งผลถึงการกระทำของเราต่อบุคคลอื่น
- ซึ่งการกระทำของเราต่อบุคคลอื่นนั้นจะส่งผลถึงความเชื่อที่บุคคลอื่นมีต่อตัวเรา
- และความเชื่อที่บุคคลอื่นมีต่อตัวเราจะถูกแสดงออกมาเป็นการกระทำที่เค้าทำกับเรา
- การกระทำที่บุคลอื่นทำกับเรานั้นจะตอกย้ำความเชื่อที่เรามีเกี่ยวกับตัวเรา
- และ ความเชื่อเกี่ยวกับตัวเรา ก็จะส่งผลถึงการกระทำของเราต่อบุคคลอื่น (นี่ก็คือข้อ 1. นั่นเอง อย่างนี้เป็นลูป #วนไปๆ)
ยกตัวอย่างเช่น
- เราคิดว่าเราเป็นคนสุภาพ –> เราจึงปฎิบัติต่อคนอื่นอย่างสุภาพ
- เราปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างสุภาพ –> คนอื่นก็จะคิดว่าเราสุภาพ
- คนอื่นคิดว่าเราเป็นคนสุภาพ –> เค้าก็จะพูดคุยปฎิบัติต่อเราอย่างสุภาพเช่นกัน
- เมือเค้าปฎิบัติต่อเราอย่างสุภาพ –> มันก็ยิ่งตอกย้ำความเชื่อของเรา ว่า เราเป็นคนสุภาพ (ดูสิ ขนาดเด็กแว๊นยังสุภาพกับเราเลย นั่นคงเพราะเราสุภาพกับเค้า)
- เราเป็นคนสุภาพ –> เราปฎิบัติต่อคนอื่นอย่างสุภาพ #วนไปๆ
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่สำคัญของ วงจรนี้ ไม่ใช่แค่เข้าใจว่า อะไรส่งผลต่ออะไร ครับ
ประเด็นสำคัญของมัน คือ เราสามารถ เปลี่ยนแปลงอะไร ได้บ้าง ในวงจรนี้
ถ้ามองดีๆ ก็จะเห็นว่า
สิ่งที่เราจะเปลี่ยนได้ง่ายที่สุดโดยไม่ต้องพึ่งพาสิ่งอื่นหรือใครอื่นใด นั่นก็คือ
“1. ความเชื่อที่เราที่เรามีต่อตัวเรา” และ “2. การกระทำของเราต่อบุคคลอื่น” นั่นเองครับ
ผมมีเพื่อนคนนึงที่เป็นเพื่อนที่น่ารักมาก
เค้ามีความสามารถพิเศษ ที่หายากมากๆในคนทั่วไป
เพื่อนคนนี้ ไม่เพียงหลอกคนอื่นเก่ง
แต่ที่สุดยอดจริงๆคือ เค้าหลอกตัวเองได้อย่างเหนือชั้น
นี่ก็คือเค้าสามารถใช้ self-fulfilling prophecy ให้เป็นประโยชน์
โดย เปลี่ยนความเชื่อที่เค้ามีต่อตัวเองครับ
ถ้าเค้าจะโกหกเพื่อนว่าเค้าไม่ได้ไปเที่ยวมา บอกได้เลยครับ ใครก็จับผิดเค้าไม่ได้
เพราะแม้แต่ตัวเค้าเองยังนึกว่า วันนั้นเค้าไปทำงานจริงๆ ไม่ได้ไปเที่ยวเลยแม้แต่นิด
แต่ถ้าคุณทำไม่ได้แบบเพื่อนผมคนนี้ คือคุณไม่เชื่อว่าคุณเป็นคนสุภาพแม้จะพยายามคิดแล้วก็ตาม
คุณก็ต้องไปเปลี่ยนที่การกระทำครับ
เพียงแค่คุณยืนหยัดอย่างต่อเนื่องที่จะปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างสุภาพ (แม้จะขัดกับความเป็นตัวคุณมากก็ตาม)
วงจร self-fulfilling prophecy จะช่วยคุณครับ
แล้ววันนึงโดยไม่รู้ตัว คุณก็กลายเป็นคนสุภาพโดยธรรมชาติไปแล้วครับ
“Fake it till you make it krab!”